วันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานเปิดปฏิบัติการ (Kick off) การจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพล

 




















วันที่ 1 พ.ย.66  ณ ห้องตาปี ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานเปิดปฏิบัติการ (Kick off) ตามนโยบาย การจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพลตามนโยบายกระทรวงมหาดไทย โดยมี ว่าที่ร้อยโทสมชาย เรืองจันทร์ ปลัดจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตัวแทนผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 45 รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 417 นายอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง สื่อมวลชนและผู้เข้าร่วมรับฟังนโยบาย 
















ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ตามที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มอบนโยบายให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการเพื่อสนองนโยบาย ในการป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพล โดยให้ความสำคัญกับ กิจกรรมที่ไม่พึงประสงค์ใน 6 เรื่อง ได้แก่เรื่อง ยาเสพติด,การค้ามนุษย์ ,การครอบครองและพกพาอาวุธปืน ,การพนัน ,การดำเนินการติดตามและเฝ้าระวังผู้มีอิทธิพลและสถานบริการและสถานบันเทิง ให้กรมการปกครองและจังหวัดร่วมกัน เร่งจัดตั้งกลไกในการดำเนินการติดตามและรายงานผล โดยให้ปฏิบัติด้วยบูรณาการร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากทุกภาคส่วน เพื่อนำนโยบายของรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม เกิดประสิทธิผล อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด



















ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สั่งการให้ทุกอำเภอ จัดตั้งชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจในระดับอำเภอและให้นายอำเภอประสานการทำงานร่วมกับผู้กำกับการสถานีตำรวจในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เปรียบเสมือน เหรียญ 2 ด้านที่ต้องไปด้วยกัน ตัวติดกันตลอด เพื่อให้การบริหารจัดการแก้ไขปัญหาทำได้อย่างทันท่วงที และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกระดับ ห้ามรับทรัพย์สินหรือ ผลประโยชน์อื่นใด จากผู้มีอิทธิพล ซึ่งจะเป็นอุปสรรคในการทำงาน และมีความผิดอีกด้วย

นอกจากนี้ มีรายงานว่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ส่งรายชื่อผู้ที่เข้าข่าย ผู้มีอิทธิพลซึ่งแยกออกเป็น 2 กลุ่มได้แก่กลุ่มสีแดงและกลุ่มสีเหลือง รวมทั้งสิ้น 8 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสีเหลือง คือ เฝ้าระวัง และหากพบว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนเกี่ยวข้อง ก็จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดทั้งทางวินัยและอาญา โดยทันที ไม่มีการละเว้น











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น