วันจันทร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2560

ก่อเกียรติ อินทรักษ์ กล่าวว่า..."คนที่สำเร็จในชีวิตมักจะมี 3 อย่างอยู่เบื้องหลัง..." นั้นคือ....

kokiat intharak ก่อเกียรติ อินทรักษ์
the happiness of  others is our success.
.....ชายร่างสูงสง่าที่มีรอยยิ้มน้อยๆ ประดับอยู่บนริมฝีปากสม่ำเสมอคนนี้มีชื่อว่า ‘ก่อเกียรติ อินทรักษ์’ แต่คนทั่วไปมักเรียกเขาด้วยความคุ้นเคยว่า ‘รองตาเล็ก’ เพราะความที่เขาดำรงตำแหน่ง
รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานีชุดปัจจุบัน...

.....ที่ผ่านมามีหลายท่านในสนามการเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่ ‘เมืองคนดี’ มีโอกาสพูดคุยเพื่อนำเรื่องราวดีๆ มาเล่าขานเป็นแบบอย่างในการคิดและดำเนินชีวิต และเราก็พบว่าไม่มีท่านใดเลยที่ฝัน
จะเป็นนักการเมืองมาก่อน ตรงกันข้ามกับคุณก่อเกียรติ ที่ซึมซับและชื่นชอบการช่วยเหลือคนมาจากบิดา ‘พิพัฒน์ อินทรักษ์’ ผู้ล่วงลับ จากการที่ท่านเป็นทั้งอดีตกำนัน เป็นสจ. และเป็นนายก อบต.
ทุ่งเตา จนฝังใจว่าเติบใหญ่เมื่อไรจะอาสาทำงานการเมืองตามรอยเท้าพ่อ...
“ภาพที่อยู่ในความทรงจำของผมมาตลอดคือคุณพ่อมีมิตรมาก ผมเลยพลอยฟ้าพลอยฝนได้รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่เยอะตามไปด้วย (ยิ้ม) พ่อช่วยเหลือคนเพราะธรรมชาติของท่านเป็นอย่างนั้นแท้ๆ ไม่ได้ต้องการตำแหน่งอะไร แต่ท้ายที่สุดท่านก็ได้รับตำแหน่งทางการปกครองและทางการเมืองติดต่อกันหลายสมัย เพราะชาวบ้านมาขอให้เป็นตัวแทน เมื่อท่านตกลงก็ไม่มีใครยอมลงสมัครแข่งเพราะรู้ว่าชาวบ้านไว้วางใจจนไม่มีเหลือให้คนอื่นแล้ว...”
ความน่าสนใจในชีวิตของคุณก่อเกียรติ ไม่ได้มีเพียงการเดินทางตามความฝันจนได้เป็นในสิ่งที่ฝัน
เท่านั้น แต่หลักในการทำงานรับใช้ประชาชนให้ประสบความสำเร็จ และคำจำกัดความของคำว่า ‘ความสำเร็จที่แท้จริง’ ในทัศนะของเขาต่างหากที่น่าสนใจยิ่งกว่า และนั่นคือสิ่งที่เราตามมาค้นหาจากเขาในวันนี้...

ต้นแบบคือพ่อ
คุณก่อเกียรติเป็นชาวตำบลทุ่งเตาใหม่ อำเภอบ้านนาสาร หลังจากเรียนจบชั้นมัธยมต้นจากโรงเรียนในอำเภอบ้านนาสารแล้ว เขาได้ย้ายมาเรียนต่อด้านช่างเทคนิคจนจบ ปวส. ก่อนจะพักการเรียนเพื่อไปเป็นทหารเกณฑ์ 1 ปีเต็ม จากนั้นจึงมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานีจนจบปริญญาตรี ปัจจุบันเขาได้รับปริญญามหาบัณฑิตสาขารัฐประศาสนศาสตร์ จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ปฐมบทของการสนทนาเราได้ขอให้เขาพาย้อนไปในช่วงเวลาที่ปลูกความฝันสู่นักการเมือง...
“พ่อสอนเสมอว่าการทำดีจะเป็นต้นทุน ต้นทุนนี้ไม่ได้หมายถึงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ นะครับ แต่หมายถึงการได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากผู้อื่นซึ่งจะนำความนับหน้าถือตา ความเมตตาให้กลับคืนมาสู่ตัวเราและครอบครัว ในชีวิตของคนเรามีหลายๆ เรื่องที่ไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้า
เรามีต้นทุนที่ดี ยามอับจนหรือคิดจะทำอะไรก็จะมีคนช่วยเหลืออยู่ไม่ขาด ผมและน้องๆ ถูกเลี้ยงมา
ภายใต้กรอบนี้ จะทำอะไรพ่อแม่ให้เลือกเองแต่ต้องอยู่บนความดี ที่พ่อเน้นมากก็คือการเคารพตนเอง ท่านสอนว่าอะไรเป็นหน้าที่ต้องรับผิดชอบให้ดีที่สุด ที่ผมทิ้งเวลาเรียนไปเป็นทหารเกณฑ์ก็เพราะผมเชื่อที่ท่านสอน (ยิ้ม) ส่วนการเข้ามาในสายงานการเมืองผมเลือกที่จะทำเอง เพราะสัมผัสได้ว่าชีวิตที่ได้ใช้ความรู้ความสามารถไปช่วยเหลือคนอื่นมีคุณค่ามาก ผมมองพ่อเป็นไอดอลครับ และแอบคิดในใจ
มาตั้งแต่ยังไม่เป็นวัยรุ่นว่าจะสานอุดมการณ์ของพ่อ (ยิ้ม)...” ความคิดที่จะเป็นนักการเมืองของคุณก่อเกียรติเริ่มเป็นรูปร่างขึ้นในช่วงที่เรียนจบ ปวส. และทวีความเข้มข้นขึ้นอีกในช่วงที่ทำธุรกิจ เพราะการเดินทางไปติดต่องานทั่วทั้งจังหวัดทำให้เขาได้เห็นว่ายังมีเพื่อนร่วมบ้านเกิดอีกมากมายที่ยังลำบาก จึงเกิดคำถามในใจว่าทำอย่างไรคนสุราษฎร์ฯ จะมีสิ่งที่ควรมีเท่าเทียมกันได้... “ผมเอาปัญหานี้มาถกกับพ่อ ท่านก็อธิบายว่าการพัฒนาบ้านเมืองเป็นเรื่องของรัฐและการเมืองที่จะต้องมองภาพรวมและวางรากฐานการพัฒนาไปตามลำดับความสำคัญ สิ่งที่พ่อทำอยู่ก็คือเป็นปากเสียงแทนประชาชนเพื่อให้ภาครัฐและการเมืองได้รู้ว่าควรพัฒนาท้องที่นี้เพราะอะไรและอย่างไร ท่านให้ความสำคัญมากกับการเป็นปากเสียงอย่างต่อเนื่อง ท่านเชื่อว่างานที่ยิ่งใหญ่ไม่เคยสำเร็จในช่วงเวลาสั้นๆ ท่านก็ขยันทำไปทุกวัน วันนี้ได้สิบ พรุ่งนี้ได้อีกสิบ วันข้างหน้าก็ไปถึงร้อยได้... ตรงนี้ยิ่งเพิ่มไฟในใจผม
เรื่องอยากทำงานการเมืองเพราะเห็นว่าพ่อก็ทำมาเยอะแล้วผมไม่ต้องการให้สิ่งที่ท่านอุตสาหะทำมาสูญเปล่าเมื่อจากไปจึงลงสมัครเลือกตั้ง สจ. แบบไม่ลังเลเลย”

งานคือการ ‘สู้’ เพื่อ ‘สร้าง’
นับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ถูกเวลาอย่างยิ่ง เพราะคุณก่อเกียรติได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนในพื้นที่อย่างอบอุ่นทันทีที่ลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งแรก ในเวลานั้นเขามีอายุเพียง 27 ปีเศษ และยังไม่มีภาระครอบครัว ถือเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานีรุ่นใหม่ไฟแรง ...ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสำหรับใครต่อใครที่ในเวลาต่อมาเขาจะได้รับเลือกตั้งติดต่อกันถึง 3 สมัย แต่ที่ทำให้ตัวเขาต้องประหลาดใจเพราะเป็นเรื่องเกินคาดหวังก็คือการได้เป็นผู้สมัครหนึ่งในตำนานของจังหวัดตามรอยพ่อ โดยเป็นผู้สมัครเพียงคนเดียวของเขตที่ปราศจากผู้ลงสมัครแข่งถึง 2 สมัย เมื่อถามถึงความรู้สึก ประกายตาของเขาฉายแววมุ่งมั่นในทันที...
“ครอบครัวผมเป็นชนชั้นกลาง ไม่ได้ร่ำรวยหรือมีอิทธิพลใดๆ ผมภูมิใจว่าชาวบ้านเลือกเราเพราะความดีและผลงานที่ทำมาทั้งของพ่อและของผม สิ่งนี้เป็นกำลังใจให้ผมรักษาความดีไว้อย่างสุดความสามารถ (ยิ้มกว้าง) การทำงานในช่วงแรกนี้ผมเหนื่อยใจมากแต่ไม่ท้อ... เพราะตอนนั้นงบประมาณของ อบจ.ยังมีไม่มาก จะสร้างถนนสายหนึ่งได้งบประมาณ 2 ล้านบาทนี่ก็ถือว่ามากแล้ว แต่งบฯ แค่นี้ต่อให้ได้ทุกปีกว่าจะสร้างเสร็จสายหนึ่งก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆ 4 ปี ผมนั่งทุกข์ทุกวันว่าขืนเป็นอย่างนี้เมื่อไรเราจะเจริญทั่วถึงกันเสียที... แล้ววันหนึ่งผมก็ได้คิดว่าถนนสายหนึ่งต้องตัดผ่านหลายตำบลนี่ ถ้าเราเชิญนายก อบต. ที่ดูแลท้องที่มาร่วมพูดคุยเพื่อประสานความร่วมมือน่าจะเป็นผลดีกว่า คิดเสร็จ ผมทำเลย (ยิ้ม) ท่านนายก อบต. ต่างๆ ก็เห็นด้วยเพราะวิธีนี้สามารถทำให้ทุกฝ่ายบรรลุเป้าประสงค์คือ อบจ.และอบต. มีผลงานเป็นรูปธรรม ประชาชนก็มีถนนระยะทางยาวใช้ในเวลาอันรวดเร็ว ไม่ต้องรอปีละ200-300 เมตร แถมก่อสร้างคนละมาตรฐานอีก ปรากฏว่าวิธีนี้ได้กลายเป็นโมเดลของการร่วมมือระหว่าง อบจ.และอบต. ในการพัฒนาโครงการอื่นๆ อีกหลายโครงการจนถึงเดี๋ยวนี้ครับ อีกเรื่องที่ผมให้ความสำคัญคือการพัฒนากลุ่มประชาชนผมเข้าไปผลักดันให้มีการรวมกลุ่มที่เหนียวแน่นขึ้นและสามารถสร้างประโยชน์เป็นชิ้นเป็นอันด้วยการจัดตั้งกองทุนต่างๆ ไปสนับสนุนอาชีพเพื่อเพิ่มรายได้ครัวเรือน ผมพยายามอย่างมากที่จะดึงกลุ่มประชาชนให้มามีส่วนร่วมกับฝ่ายบริหาร เพราะเขาคือผู้ที่จะบอกปัญหาที่แท้จริงได้ ตอนนั้นผมกับกลุ่มประชาชนยังได้ร่วมผลักดันการจัดงานเทศกาลนาสารฟู้ดแฟร์ให้เป็นเทศกาลประจำอำเภออีกงานหนึ่ง โดยผมรับเป็นประธานการจัดงานมาตั้งแต่ตอนนั้น ถึงวันนี้ก็ 13 ปี และจะพยายามให้ยิ่งใหญ่ขึ้นทุกๆ ปีครับ...”

พัฒนาการท่องเที่ยวสู่มิติใหม่
ผลจากการ ‘คิด’ และ ‘ทำ’ ไม่หยุดเพื่อพัฒนาท้องถิ่นให้เดินหน้ามาตลอดหลายปี คุณก่อเกียรติจึงได้รับความไว้วางใจให้เป็นหนึ่งทีมบริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานีชุดนี้โดยดำรงตำแหน่งรองนายก อบจ. คนที่ 1 และได้รับมอบหมายให้ดูแล 2 กอง คือกองส่งเสริมคุณภาพชีวิต และกองการท่องเที่ยวและกีฬา...
“ในส่วนของกองส่งเสริมคุณภาพชีวิตภารกิจที่เน้นหนักจะเป็นเรื่องการพัฒนามาตรฐานและการบริการโรงพยาบาล อบจ. และการดูแลคุณภาพชีวิตของกลุ่มประชาชนต่างๆ ให้ได้รับสิทธิตั้งแต่เกิดจนเสียชีวิตอย่างทั่วถึงครับ แต่ที่เข้มข้นเวลานี้จะเป็นกองการท่องเที่ยวและกีฬา นับตั้งแต่คณะบริหาร อบจ. ชุดนี้เข้ามาทำงาน เรื่องที่เราตั้งใจและพยายามมาโดยตลอดคือสร้างการท่องเที่ยวจังหวัดสุราษฎร์ธานีให้ยั่งยืน สิ่งที่จะทำให้เกิดความยั่งยืนได้มีอยู่ 2 ปัจจัยหลัก ประการแรกคือการประสานกลุ่มหรือชมรมการท่องเที่ยวต่างๆ ผนึกกำลังกันเพื่อการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว เส้นทางท่องเที่ยวและมาตรฐานการบริการให้มีพลังดึงดูดมากขึ้น ประการที่สองคือการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออำนวยความสะดวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
 ...วันนี้เราเปิด AEC แล้ว ในข้อดีก็คือเป็นการร่วมมือกันเพื่อประกาศความแข่งแกร่งของอาเซียนบนเวทีโลก แต่ขณะเดียวกันประเทศสมาชิกก็ต้องแข่งขันพัฒนาภายในประเทศด้วย โดยเฉพาะการท่องเที่ยว วันนี้เราต้องการนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาสัมผัสตลอดทั้งปี จึงจำเป็นที่ต้องสร้างแรงดึงดูดใหม่ๆ ครับ
ใน 2 ปีที่ผ่านมา อบจ. เร่งการสนับสนุนส่งเสริมให้ชุมชนหรือสมาคมท่องเที่ยวทุกอำเภอได้คิดและสร้างเส้นทางท่องเที่ยวรวมถึงสร้างกิจกรรมใหม่ๆ เพิ่มขึ้น..และให้ความสำคัญกับการบูรณะพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วให้สามารถสร้างความประทับใจได้ต่อเนื่อง เราจัดสรรงบประมาณจำนวนมากเพื่อสนับสนุนโครงการปรับปรุงเส้นทางและจัดสร้างสาธารณูปโภคในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ที่ดำเนินการแล้วและกำลังดำเนินการมีหลายโครงการ เช่น โครงการพัฒนาปรับปรุงหินพัด อำเภอคีรีรัฐนิคม โครงการพัฒนาปรับปรุงบ่อน้ำพุร้อนที่ตำบลเพิ่มพูนทรัพย์อำเภอบ้านนาสาร โครงการพัฒนาบ่อน้ำพุร้อนที่ตำบลกรูด อำเภอกาญจนดิษฐ์ และยังได้ให้งบประมาณสนับสนุนกิจกรรมพระจันทร์หลากสีที่เกาะพะงัน ซึ่งปีที่แล้วเพิ่งจะจัดเป็นปีที่ 2 และได้รับการตอบรับที่ดีมากจากนักท่องเที่ยวและเอเจนซีทัวร์ พร้อมกันนี้เราก็เร่งการสนับสนุนกลุ่มชุมชนท่องเที่ยวและกลุ่มสมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยวให้พัฒนามาตรฐานการบริการ และการทำการตลาดในต่างประเทศ กลุ่มประชาชนก็สำคัญครับ เราสนับสนุนการนำภูมิปัญญามาเป็นสินค้าของฝากรูปแบบใหม่ๆ ที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ก็จัดทำป้ายบอกทาง ทำสื่อประชาสัมพันธ์ทั้งภาษาไทยและต่างชาติครับ..
.....ส่วนที่กำลังจะเห็นเป็นรูปธรรมในปีนี้ก็คือการสร้างตลาดท่องเที่ยวโดยดึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาสู่จังหวัด ผมคิดว่าความหวังของการท่องเที่ยวสุราษฎร์ฯ มิติใหม่ก็คือ ‘การกีฬาเพื่อการท่องเที่ยว’
เพราะกีฬาหลายชนิดได้รับความนิยมสูง นักกีฬาบางคนมีแฟนคลับไม่จำกัดเพศและวัยอยู่ทั่วโลก แล้วในช่วงปิดฤดูกาลแข่งขันนักกีฬาก็ยังจำเป็นต้องฝึกซ้อมหรือแข่งขันแมทช์กระชับมิตรเพื่อวอร์มร่างกาย ตอนนี้กีฬาฟุตบอลเหมาะสมที่จะนำร่องมากที่สุดลำพังในเอเชียก็มีสโมสรฟุตบอลอยู่ไม่น้อย จังหวัดเราก็มีสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลที่มีศักยภาพสูง ที่เกาะสมุยมีดารานักร้องและนักกีฬาชื่อดังของโลกมาพักผ่อนทุกปี เบคแฮมก็มีบ้านพักที่นี่และยังมีภาคเอกชนที่รอสนับสนุนอยู่มาก อบจ. จึงได้ร่วมมือกับเทศบาลนครสมุยทำโครงการพัฒนาสนามกีฬาพรุหน้าเมืองให้เป็นสนามฟุตบอลมาตรฐานระดับโลก คือนอกจากจะมีสนามดีเยี่ยมแล้ว ต้องมีฟังก์ชั่นที่สะดวกต่อการใช้งาน สะอาด ทันสมัย และมีความปลอดภัยสูง โดยอบจ. ได้จัดสรรงบประมาณปี 59 เพื่อสนับสนุนโครงการนี้เป็นเงิน 59 ล้านบาท เมื่อรวมกับงบฯ ของเทศบาลนครสมุยอีก 10 ล้านบาท รวมเป็น 69 ล้านบาท สนามจะแล้วเสร็จภายในปี 59 นี้ครับ ผมเชื่อว่าความพร้อมของสนามและศักยภาพของเกาะสมุยจะสามารถดึงให้สโมสรต่างๆ มาฝึกซ้อมหรือแข่งขันได้ไม่ยากครับ”

สร้างการกีฬาสู่มาตรฐาน
นอกจากตำแหน่งรองนายก อบจ.แล้วคุณก่อเกียรติยังดำรงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาจังหวัดสุราษฎร์ธานีด้วย เขาได้เล่าถึงแผนการสนับสนุนการกีฬาในจังหวัดสุราษฎร์ฯ ให้คึกคักและมีมาตรฐานว่า...
“ผมขอพูดในส่วนของอบจ. ก่อนว่าขณะนี้นอกจากการปรับปรุงสนามฟุตบอลที่สมุย อบจ. มีโครงการจัดสร้างสนามกีฬาใหม่อีก 2 แห่ง คือที่โรงเรียนบ้านนาหรือโรงเรียนอบจ. 3 และที่โรงเรียนท่าอุแท อำเภอกาญจนดิษฐ์ ซึ่งที่นี่จะทำเป็นศูนย์ฝึกกีฬาสำหรับเยาวชนเพราะสุราษฎร์ธานีได้ชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตนักกีฬาทีมชาติโดยเฉพาะนักกรีฑา มาจากโรงเรียนในจังหวัดสุราษฎร์ธานีทั้งนั้น (ยิ้ม) เราต้องการรักษาชื่อเสียงนี้ไว้ สำหรับสนามกีฬากลาง เรามีโครงการจัดสร้างห้องพักสำหรับนักกีฬาด้วย ขณะนี้อยู่ในการประสานงานกับกกท...ก็โชคดีว่าผมเป็นนายกสมาคมกีฬาจังหวัดสุราษฎร์ฯ ด้วย จึงเป็นความสะดวกในการวางแผนว่าการพัฒนาเรื่องใดควรใช้งบประมาณจากหน่วยงานใด หากสมาคมมีงบฯ ไม่พอ
ก็สามารถพิจารณาได้ว่าอบจ. จะจัดสรรงบประมาณสนับสนุนได้หรือไม่ งานจะเกิดเป็นรูปธรรมได้เร็ว... ตอนนี้สมาคมกีฬาก็ร่วมมือกับเอ.วี อคาเดมี เดินสายไปฝึกทักษะเด็กด้านกีฬาฟุตบอลทุกอำเภอ ปีที่แล้วนำร่องไป 3 อำเภอครับ ปี 59 เราจะทำต่อเนื่องครั้งละ 3 อำเภอ และเราได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ปกครองด้วยเพราะเขาเห็นชัดว่าลูกเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางที่ดีขึ้น...”

ความสุขของชีวิต
หลังจากพูดคุยเรื่องการงานยาวเหยียด เราแอบยกข้อมือขึ้นเหลือบดูนาฬิกา...ไม่น่าเชื่อว่าจะผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมงแล้วทั้งที่รู้สึกเหมือนคุยเพียงครู่ นั่นเพราะภาพอนาคตของสุราษฎร์ฯ ในมโนจิตที่วาดไปตามคำตอบของเขาได้สร้างสุขให้เราจนลืมเวลา แต่ที่สุขยิ่งกว่าก็คืออีกไม่ช้ามันจะเป็นเรื่องจริง...ในบทสุดท้ายของการสนทนาเราป้อนคำถามว่า เมื่อชีวิตเดินทางมาถึงวันนี้ความสุขของเขาคืออะไร
“ความสุขของผมคือทำให้คนอื่นมีความสุข ถึงจะทำไม่สำเร็จทุกเรื่องที่เขาขอ แต่ผมก็ดีใจว่าได้พยายามทำแล้ว... ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องการทำงานตามหน้าที่อย่างเดียว แต่คือทุกเรื่องยกตัวอย่างวันนี้ผมตื่นตั้งแต่ตี 4 เช้าไปเปิดงานปั่นจักรยาน สายไปงานบุญ บ่ายมาตามงานที่สนามกีฬา เย็นมาเปิดการแข่งขันกีฬา ค่ำไปเป็นประธานงานแต่งงาน (หัวเราะ) ผมรู้ว่าบางงานปฏิเสธได้ แต่ผมไม่มีความสุขที่จะปฏิเสธ ผมภูมิใจที่ได้สร้างประโยชน์ให้คนอื่น (ยิ้มกว้าง) ผมไม่เครียดเรื่องไม่มีเวลาให้ตัวเอง แต่จะเครียดสูงทุกครั้งที่แก้ปัญหาให้ประชาชนได้ไม่ทันใจ ตอนหลังผมนำวิธีของพ่อมาใช้คือขยันทำไป คิดเสียว่าวันข้างหน้าจะต้องได้ ความเครียดก็น้อยลง และด้วยหน้าที่ด้านการกีฬาก็ช่วยให้ผมทำงานไปสนุกไปได้ ผมชอบเตะฟุตบอลครับเราไปเตะทุกอำเภอ ได้สุขภาพที่ดีและได้ใกล้ชิดชาวบ้าน จริงๆ ปัญหาที่ อบจ. หรือสมาคมกีฬากำลังแก้ส่วนใหญ่ก็ได้มาจากตรงนั้นครับครอบครัวก็เป็นความสุขของผมอีกอย่างหนึ่ง ผมมีลูกชาย 2 คน เรียนที่วชิราวุธวิทยาลัย กรุงเทพฯ ผมประทับใจโรงเรียนนี้เพราะระเบียบวินัยดี เด็กๆ ไม่ต้องเรียนวิชาการอัดแน่น ช่วงบ่ายจะเป็นเวลาของกิจกรรมและโรงเรียนจะฝึกเด็กให้เขียนจดหมาย ผมได้เห็นลายมือของลูก ได้เห็นการใช้ภาษาไทยที่ถูกต้อง มันเป็นความสุขที่ได้อ่าน ทุกสองอาทิตย์ผมกับภรรยาจะสลับกันไปเยี่ยมนี่แหละความสุขของผม (ยิ้ม)...”
คนที่สำเร็จในชีวิตมักจะมี 3 อย่างอยู่เบื้องหลัง หนึ่งคือการได้ทำในสิ่งที่รัก สองคือมีครอบครัวและเพื่อนดีสนับสนุน สามคือมีคุณธรรมประจำใจ...และความสำเร็จของเขาคนนี้หาใช่
ความมั่งคั่งในเงินตราหรืออำนาจ หากเป็นคุณค่าที่ได้สร้างประโยชน์ต่อผู้อื่น นี่ต่างหากที่เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่แท้จริง...

1 ความคิดเห็น:

  1. จุดประสงค์ที่ชัดเจนย่อมเป็นผู้นำที่ดีและเป็นผู้ให้ที่แท้จริง"ความสุขของประชาชนหมายถึงความสุขของผู้นําที่ดีครับ

    ตอบลบ